Last updated: 8 ต.ค. 2565 | 260 จำนวนผู้เข้าชม |
1.สิ่งแรกที่ทำคือ รีบปิดแอร์ทันที เพราะในขณะที่เรากำลังขับฝ่าน้ำท่วม พัดลมแอร์จะทำงาน ทำให้ใบพัดหมุนดูดน้ำ และตีจนน้ำกระจายไปทั่วห้องเครื่อง ซึ่งอาจทำให้น้ำเข้าห้องเครื่องหรือเข้าระบบไฟฟ้าได้ รวมทั้งอาจพัดไปโดนเศษขยะต่างๆ จนทำให้ใบพัดแตกหรือหักได้อีกด้วย
2.ใช้เกียร์ต่ำขณะขับฝ่าน้ำท่วม ให้รักษาความเร็วเอาไว้อย่างสม่ำเสมอ โดยใช้แค่เกียร์ 1 หรือ 2 เท่านั้น สำหรับเกียร์ธรรมดา ส่วนเกียร์ออโต้ให้ใช้เกียร์ L หรือ 1 ซึ่งเป็นเกียร์ต่ำสุดของรถแต่ละรุ่น และควรรักษารอบเครื่องเอาไว้ประมาณ 1,500 – 2,000 รอบ เพราะหากรอบต่ำเกินไป เครื่องอาจดับได้ และหากรอบเครื่องสูงเกินไปอาจดูดน้ำเข้าห้องเครื่องได้
3.อย่าเร่งรอบเครื่องสูง ๆ เพราะจะทำให้มีอุณหภูมิห้องเครื่องสูงขึ้น และเมื่อความร้อนสูง พัดลมระบายความร้อนก็จะทำงาน ทำให้ใบพัดหมุน ผลเสียที่ตามมาก็จะเหมือนกับในข้อแรก และไม่ต้องไปกังวลเรื่องน้ำเข้าท่อ ถึงแม้น้ำจะท่วมท่อไอเสียก็ตาม เพราะรอบเดินเบามีแรงดันมากพอที่จะดันน้ำออกมาจากท่อได้
4.เมื่อขับรถสวนกัน ควรลดความเร็วลง เพราะรถที่สวนเลนมาจะมีระดับคลื่นที่ดันผ่านมากับคลื่นที่เราดันไป ทำให้เกิดแรงปะทะระหว่างทั้ง 2 คลื่น และคลื่นน้ำที่ชนกันจะก่อให้เกิดแรงกระทบ พร้อมกับระดับน้ำที่สูงขึ้น จะทำให้น้ำท่วมห้องเครื่องได้
5.ระบบเบรกทั้งหมดจมอยู่ในน้ำ ประสิทธิภาพในการทำงานจึงลดต่ำลงมาก จึงควรเว้นระยะให้ห่างจากคันหน้ามากกว่าปกติ หากเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉินขึ้น จะได้มีระยะเบรกที่ปลอดภัย
ทั้งนี้ หากขับรถพ้นช่วงน้ำท่วมแล้ว ให้ทำการย้ำเบรกบ่อยๆหรือเหยียบเบรกเป็นช่วงๆถี่ๆ เพื่อไล่น้ำออกจากระบบและผ้าเบรกจะได้แห้งไวขึ้น